ด้วยสภาวการณ์มลพิษทางอากาศในปัจจุบันของประเทศไทยที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ เครื่องฟอกอากาศเป็นอีกหนึ่งเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เริ่มเข้ามามีบทบาทในช่วงเวลานี้
         เหตุผลหลัก ๆ ของการเลือกใช้เครื่องฟอกอากาศเพราะทำให้รู้สึกว่ามีความปลอดภัย ดังนั้นเครื่องฟอกอากาศจึงเป็นตัวช่วยหนึ่งที่จะทำให้เรารู้สึกปลอดภัย แต่เราคงต้องมาดูกระบวนการทำงานของเครื่องฟอกอากาศกันก่อนว่า เครื่องฟอกอากาศที่ดีควรเป็นอย่างไร เริ่มกันที่
         เครื่องฟอกอากาศโดยทั่วไป ก็จะมีหลักการกรองประมาณ 3 ขั้นตอนหลัก ๆ คือ

1. กรองหยาบ             : ช่วยในการกรองฝุ่นละอองที่มีขนาดใหญ่

2. กรองละเอียด         : ช่วยในการกรองฝุ่นละอองที่มีขนาดเล็ก

3. กรองกลิ่น               : ช่วยกรองกลิ่นอันไม่พึงประสงค์

โดยทั่วไปหลักการทำงานก็จะเหมือน ๆ กัน แต่ เครื่องฟอกอากาศ COLOGY มีการกรองที่พิเศษกว่านั้น

1. เริ่มจากการกรองขั้นตอนแรกของเครื่องฟอกอากาศ COLOGY ก็จะเหมือนกับเครื่องฟอกอากาศทั่ว ๆ ไปที่กรองฝุ่นละอองที่มีขนาดใหญ่ จากการกรองด้วยแผ่น Pre-filter ที่สามารถถอดล้างทำความสะอาดได้ โดยไม่ต้องเปลี่ยนแผ่นกรอง

2. ขั้นตอนที่ 2 คือ การกรองหยาบ ที่สามารถกรองฝุ่นละอองที่มีขนาดเล็กได้ถึง 0.3 ไมครอน หมดปัญหาเรื่อง PM. 2.5 ที่อาจจะหลุดลอดมาภายในบ้าน ด้วยการกรองจากแผ่น electrostatic cell ที่สามารถถอดล้างทำความสะอาดได้ โดยไม่ต้องเปลี่ยนแผ่นกรอง

3. ขั้นที่ 3 การกรองกลิ่น สามารถกำจัดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์จากการกรองด้วยแผ่นกรองกลิ่น CPZ ที่สามารถกำจัดกลิ่นได้อย่างรวดเร็ว

4. ขั้นที่ 4 เป็นการกรองแบบกำจัดเชื้อโรค และ แบคทีเรียที่ปะปนอยู่ในอากาศ ซึ่งจะกรองด้วยแผ่น  Titanium dioxide:TiO2 ซึ่งจะทำงานร่วมกับหลอด UV ที่จะทำให้เกิดปฏิกิริยาทางเคมี อธิบายง่าย ๆ ก็คือ เมื่อแผ่นกรอง TiO2 ทำงานร่วมกับ UV จะเร่งปฏิกิริยาในการฆ่าเชื้อโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ และรวดเร็วขึ้น

      นอกจากนี้แล้ว เครื่องฟอกอากาศ COLOGY ยังมี sensor ในการตรวจจับสารระเหย VOCs ที่ปะปนมาในอากาศอีกด้วย หากเจ้า Sensor หรือ จมูกอิเล็กทรอนิกส์นี้ รับรู้ว่ามีสาร VOCs ในอากาศก็จะเร่งการทำงานของเครื่องฟอก COLOGY ในการกรองอากาศให้สะอาดยิ่งขึ้น