• 24
  • Jan
ควรเลือกเครื่องปั่นเหวี่ยง (Centrifuge) อย่างไรให้คุ้มค่า…….

ควรเลือกเครื่องปั่นเหวี่ยง (Centrifuge) อย่างไรให้คุ้มค่า…….

ควรเลือกเครื่องปั่นเหวี่ยง (Centrifuge) อย่างไรให้คุ้มค่า…….

                เครื่องปั่นเหวี่ยงตกตะกอน (Centrifuge) เป็นเครื่องมือที่ใช้สำหรับทำการแยกสสารที่มีขนาดอนุภาคแตกต่างกันออกจากกันด้วยหลักการของการเหวี่ยงจนเกิดแรงหนีศูนย์กลาง เมื่อแยกอนุภาคออกจากกันได้แล้วจึงสามารถนำไปวิเคราะห์ผลอื่น ๆ ต่อไปได้ หากต้องการที่จะเลือกหาเครื่องปั่นเหวี่ยงตกตะกอน (Centrifuge) ชนิดนี้ไว้ใช้งาน ก็ควรที่จะทราบถึงองค์ประกอบและหลักการเลือกซื้อในระดับพื้นฐานก่อน เพื่อให้การลงทุนของคุณนั้นเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามากที่สุดนั่นเอง

                ส่วนประกอบของเครื่องปั่นเหวี่ยง (Centrifuge) ที่ต้องพิจารณา ในการเลือกซื้อมีดังนี้

  1. ตัวเครื่อง (Body) ส่วนนี้อยู่ภายนอกสุดและมีความสำคัญระดับหนึ่ง เพราะ Body ไม่ได้ออกแบบมาเพียงเพื่อความสวยงามเพียงเท่านั้น แต่ยังคงต้องมีความคงทนถาวร เพื่อใช้ป้องกันทั้งอุปกรณ์ที่อยู่ภายในและป้องกันการใช้งานของผู้ใช้งานด้วย เนื่องจากสารละลายหรือของเหลวที่จะนำมาแยกองค์ประกอบนั้นมีหลายตัวอย่างที่จำเป็นต้องทำละลายในกรด ซึ่งอาจมีฤทธิ์กัดกร่อนสูงกับตัวเครื่อง และอาจเกิดการรั่วซึมออกมาสู่ภายนอกเนื่องจากเกิดการชำรุดของระบบภายในก็เป็นไปได้ Centrifuge หรือ เครื่องปั่นเหวี่ยงตกตะกอน จึงจำเป็นต้องพ่นสีอีนาเมล เคลือบไว้เพื่อป้องกันทั้งสนิมและสารเคมีต่าง ๆ ด้วย

  2. หัวเหวี่ยง (Rotor) เป็นอุปกรณ์สำคัญอีกอย่างหนึ่งซึ่งเป็นอุปกรณ์หลักของ เครื่องปั่นเหวี่ยงตกตะกอน (Centrifuge) Rotor นี้จะเป็นแกนในการหมุนเหวี่ยงตัวอย่าง หรือกระบอกปั่นที่จะนำมาบรรจุรอบ ๆ แกนนี้ เมื่อคุณเลือกจึงควรเลือกชนิดที่ทำด้วยโลหะเบาแต่แกร่งเช่น อะลูมิเนียม ไททาเนียม หรือโลหะผสม ก็ได้เช่นกัน มีบางรุ่นเหมือนกันที่ทำด้วยพลาสติกแข็ง ซึ่งราคาจะถูกกว่าแต่อายุการใช้งานก็น้อยกว่าเช่นกัน หากคุณต้องการใช้งานได้อย่างยาวนานก็ควรเลือกชนิดที่มีแกนโลหะจะเหมาะสมกว่า

  3. กระบอกใส่หลอดปั่น (Resin Case) ปกติแล้วทำด้วยเหล็กกล้า หรือ ใช้พลาสติกแข็ง ใช้ในการบรรจุหลอดปั่นมากน้อยขึ้นอยู่กับช่องที่ทำไว้ กระบอกตัวนี้จริง ๆ แล้วไม่ค่อยเกิดการชำรุดเท่าใดนัก เพราะภาระแทบทั้งหมดจะไปรวมที่ หัวเหวี่ยง (Rotor) เสียมากกว่า

  4. ระบบควบคุมการทำงาน ในการใช้งาน เครื่องปั่นเหวี่ยงตกตะกอน (Centrifuge) นั้นสิ่งที่จะบอกถึงประสิทธิภาพการทำงานอีกอย่างก็คือระบบควบคุมไม่ว่าจะเป็น สิ่งที่คุณต้องพิจารณาก็คือ ตัวตั้งเวลา(Timer) เพราะในงานของคุณนั้นคุณจะพอทราบอยู่แล้วว่าการนำตัวอย่างเข้าสู่เครื่องจะใช้เวลาในการปั่นเหวี่ยงเพื่อแยกอนุภาคประมาณเท่าใด คุณก็เพียงเลือกให้เหมาะสมกับการใช้งานเท่านั้น โดยปกติเครื่องปั่นเหวี่ยงขนาดเล็กจะสามารถตั้งเวลาได้ไม่เกิน 60 นาที นอกจากนั้นส่วนของการควบคุมความเร็วในการหมุน (RPM) ก็สำคัญ ในงานบางอย่างเช่นการวิเคราะห์เกี่ยวกับน้ำเหลือง ก็มีความจำเป็นจะต้องมีการปรับระดับความเร็วในการหมุนในระดับต่าง ๆ ได้ เป็นต้น หากเครื่องปั่นเหวี่ยงมีความเร็วในการหมุนสูงสุดค่อนข้างมากก็ควรมีระบบระบายความร้อนเป็นส่วนประกอบเพิ่มเติมด้วย เพราะในขณะที่หมุนเหวี่ยงด้วยความเร็วสูงนั้นจะเกิดความร้อนสะสมขึ้นได้

                นั่นคือเครื่องปั่นเหวี่ยงที่ควรเลือก นอกจากจะเหมาะสมกับงานของคุณแล้ว ยังต้องมีคุณภาพได้มาตรฐานมากที่สุดนั่นเอง